
ปัจจุบันกระแส Buy Now Pay Later หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ เพราะเป็นบริการที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย สมัครง่าย ได้วงเงินไว ซื้อสินค้าและบริการได้ทันใจ จนอาจจะทำให้เราไม่ได้ระวังว่ายอดผ่อนเล็กๆ การผ่อนขำๆ อาจจะกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่อาจจะทำให้ขำไม่ออกในอนาคตได้
Buy Now Pay Later ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง คืออะไร?
หลายคนอาจคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าหรือบริการก่อนจ่ายทีหลังหรือไม่ต้องจ่ายเงินทั้งหมดในครั้งเดียวอยู่แล้วในรูปแบบของการซื้อ-ผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิต ซึ่งจะมีเงื่อนไขดอกเบี้ยและการผ่อนชำระแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของบัตรแต่ละใบ เช่นเดียวกับบริการ Buy Now Pay Later ที่มีเงื่อนไขการชำระเงิน และวงเงินที่สามารถใช้ได้แตกต่างกันไปแต่ละแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการ แต่โดยรวมแล้วบริการ Buy Now Pay Later มีหลักการทำงานในเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าปลีกที่ผู้ให้บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง เข้าเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย
- เมื่อซื้อสินค้าและบริการแล้ว ถ้าต้องการใช้บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ก็เลือกผ่านโหมดการชำระเงิน "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง"
- ลูกค้ารอตรวจสอบข้อมูล ถ้าผ่านการอนุมัติระบบจะแจ้งให้ทราบภายในไม่กี่นาที
- หลังจากลูกค้าทราบผลแล้วอาจจะต้องชำระเงินเบื้องต้นบางส่วน เช่น 25% ของราคาสินค้าโดยรวม ส่วนที่เหลือก็สามารถเลือกผ่อนชำระเป็นงวด เช่น รายเดือน รายไตรมาส และสามารถโอนเป็นเงินสด ผ่านเช็ค หรือจะตัดจากบัตรเครดิตก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก Buy Now Pay Later รูปแบบใหม่ของการใช้จ่าย - SET Investnow
ซื้อของผ่านบริการ Buy Now Pay Later vs รูดบัตรเครดิต
ไม่ว่าคุณจะซื้อสินค้าหรือบริการผ่าน Buy Now Pay Later หรือใช้บัตรเครดิตรูดซื้อ-ผ่อนสินค้า ทั้ง 2 บริการล้วนเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้ Buy Now Pay Later เป็นเทรนด์การใช้จ่ายในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นความสะดวกในการขออนุมัติใช้บริการ ซึ่งบางแพลตฟอร์มมีการอนุมัติวงเงินที่สามารถใช้ได้ไวกว่าการขอเปิดบัตรเครดิต ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนหรือเอกสารทางรายได้ในการขออนุมัติวงเงิน เพียงกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อประเมินความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็สามารถใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้ทันที ไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนการใช้บัตรเครดิต แต่จะถูกคิดค่าปรับในกรณีที่ชำระเงินล่าช้าหรือไม่ตรงตามกำหนดเวลาแทน
ในขณะที่การใช้บัตรเครดิตคุณจะต้องชำระเงินเต็มจำนวนที่ใช้ไป และต้องชำระตรงตามวันครบกำหนดชำระเพื่อไม่ให้เสียดอกเบี้ยและค่าปรับในการจ่ายหนี้ล่าช้า หรือในกรณีที่ไม่สามารถจ่ายค่าบัตรเครดิตได้เต็มจำนวน ก็จะต้องจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตในแต่ละงวดตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าของบัตรกำหนด และต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจ่ายหนี้ครบจำนวน (ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 16% ต่อปี)
ความแตกต่างของบริการ Buy Now Pay Later และการใช้บัตรเครดิต
บริการ Buy Now Pay Later (ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง) | บัตรเครดิต |
สะดวกสบาย สามารถกำหนดการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆ ได้ (อาจเสียดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของแพลตฟอร์ม) | มีบริการผ่อน 0% สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วม หากต้องการผ่อนชำระอาจต้องเสียดอกเบี้ย แตกต่างตามเงื่อนไขของธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต |
หากชำระตรงเวลาจะไม่เสียดอกเบี้ย หรือเสียดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ใช้จ่าย | หากชำระเต็มจำนวน และตรงเวลาจะไม่เสียดอกเบี้ย |
มีค่าธรรมเนียมในการปรับหากชำระไม่ตรงเวลาค่อนข้างต่ำ | การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต มีดอกเบี้ย 16% ต่อปี |
ไม่มีคะแนนสะสม หรือการให้รางวัลในการใช้จ่าย | มีคะแนนสะสม และการให้รางวัลในการใช้จ่าย |
การชำระเงินล่าช้า ส่งผลต่อประวัติเครดิตทางการเงิน (เครดิตบูโร) | การชำระเงินล่าช้า หรือผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลต่อประวัติเครดิตทางการเงิน (เครดิตบูโร) |
ไม่ต้องใช้เครดิตที่ดีมากในการสมัครใช้บริการ | ต้องใช้เอกสารแสดงเงินเดือน และเครดิตทางการเงินที่ดี ในการสมัครใช้บริการ |
เวลาในการได้รับการอนุมัติง่ายกว่าเปิดบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่อ | มีระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อและบัตรเครดิต |
บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) ก่อให้เกิดหนี้ได้อย่างไร?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง และการใช้บัตรเครดิต มีส่วนทำให้ทุกการจับจ่ายในชีวิตประจำวันสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น เพราะคุณสามารถเป็นเจ้าของสินค้าหรือใช้บริการที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนและยังเหลือเงินสดไปใช้สำหรับเรื่องอื่นได้อีก
แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เพราะหากคุณใช้จ่ายผ่านบริการ Buy Now Pay Later จนเพลิน คิดว่าการผ่อนค่าข้าว ค่าน้ำหวาน ค่าขนม ในแต่ละวันไม่ใช่ยอดใหญ่มาก แต่คุณอาจจะลืมนึกถึงไปว่า ยอดผ่อนเล็กๆ ในวันนี้ สามารถกลายเป็นหนี้ก้อนโตได้ในอนาคต หากคุณใช้โดยขาดการประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้ที่ดี จนทำให้ยอดผ่อนในแต่ละงวดเพิ่มพูน ทำให้ไม่สามารถชำระเงินคืนได้ตามที่กำหนด สิ่งที่ตามมาอาจจะไม่ใช่แค่ค่าปรับที่ต้องแบกรับจากการผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเสียประวัติเครดิตทางการเงินและโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคตได้
ใช้บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) อย่างไรให้ห่างไกลหนี้?
การซื้อสินค้าหรือบริการแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Buy Now Pay Later ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการรูดบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากใช้อย่างพอดีและมีทำความเข้าใจเงื่อนไขในการใช้บริการให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
1. เข้าใจเงื่อนไขการชำระคืนก่อนใช้บริการ
ก่อนตัดสินใจสมัคร Buy Now Pay Later คุณควรอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขให้เข้าใจและครบถ้วน เพราะผู้ให้บริการจะมีเงื่อนไขที่อาจไม่เหมือนกัน เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการชำระเงินหรือยกเลิกคำสั่งซื้อได้ ไม่มีสิทธิพิเศษ และค่าธรรมเนียมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา รวมถึง การผ่อนสินค้าแม้จะระบุระยะเวลาการผ่อนที่แน่นอน แต่คุณควรตรวจสอบด้วยว่า ดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลาเท่าใด เพราะหากโปรผ่อน 12 เดือน แต่ดอกเบี้ย 0% เพียง 3-6 เดือนเท่านั้น อาจจะทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยหลัง 3-6 เดือน จนกว่าจะผ่อนสินค้าหมด เป็นต้น
2. กำหนดงบประมาณในการช้อป คิดถึง “ความจำเป็น” ทุกครั้ง
การกำหนดงบประมาณในการใช้จ่ายแต่ละเดือน และคำนึงถึงความจำเป็นในการซื้อสินค้าและบริการทุกครั้งว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าหากซื้อเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัว หรือซื้อเพียงเพราะสังคมบอกว่า “ของมันต้องมี” ก็อาจจะยังไม่ควรนัก การมีสติในการใช้จ่ายจะช่วยให้คุณรอดพ้นจากการใช้เงินเกินตัวที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหนี้ก้อนโตได้
3. มีวินัยทางการเงินที่ดี
การซื้อสินค้าในรูปแบบของการซื้อก่อนจ่ายทีหลังไม่ใช่เรื่องผิด หากมาพร้อมวินัยทางการเงินที่ดี และนอกจากคุณต้องรู้สถานการณ์ทางการเงินของตัวเองแล้ว คุณต้องรู้สถานการณ์หนี้ที่มีและรู้ความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองด้วย และไม่ควรมีหนี้สินเกินกว่า 40 – 45% ของรายได้ในแต่ละเดือน และต้องไม่ลืมชำระหนี้ “ตรงเวลา” ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติการชำระเงินจะถูกรายงานไปยัง เครดิตบูโร ซึ่งส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตในอนาคตได้
ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง เพลินจนเป็นหนี้ อยากปิดหนี้ สมัครสินเชื่อรวมหนี้ ธนาคารไหนดี?
หากคุณเข้าวงการ Buy Now Pay Later หรือผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิต จนมียอดผ่อนชำระต่อเดือนที่หนักและต้องปวดหัวกับการหมุนเงินจ่ายหนี้หลายยอด หรือมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ และอยากรวมหนี้ทุกก้อนเป็นก้อนเดียว ก็สามารถทำได้ด้วยการเลือกใช้สินเชื่อรวมหนี้ ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง รู้ระยะเวลาในการปิดหนี้ที่แน่นอน และช่วยลดโอกาสการเกิดหนี้เสียที่อาจจะกระทบต่อเครดิตการเงินในอนาคตได้อีกด้วย
สมัครสินเชื่อรวมหนี้ สินเชื่อบุคคลเพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
สินเชื่อบุคคล เพอร์ซัลนัลแคช ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะช่วยให้คุณรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ปิดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้น สำหรับพนักงานประจำที่มีเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป สมัครสินเชื่อบุคคล เพอร์ซัลนัลแคช ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้ 3 ช่องทาง
- เว็บไซต์ https://www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/personal.html
- แอดไลน์ @cimbpersonalloan https://lin.ee/I1JAHpA
- สมัครสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอป CIMB THAI ดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android คลิก
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- 9.99% ต่อปี อายุสัญญา 12 เดือน
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 9.99% - 25% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารประกาศกำหนด
หมายเหตุ
- วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
- เวลาให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
- ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777