blog-1

ปิดจบหมดหนี้.. เรื่องบัตรเครดิต

บัตรเครดิต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการอำนวยความสะดวกทางการเงินให้กับหลายๆคนก็ว่าได้ แต่หากเรามีการจัดการการเงินได้ไม่ดีพอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ทำร้ายเราดีๆนี่เอง สิ่งที่จะทำร้ายเราได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ ตัวดอกเบี้ยที่เกิดจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยไม่มีการวางแผนที่ดี ซึ่งถ้าใครได้โดนดอกเบี้ยนี้แล้วก็เหมือนเป็นเนื้อร้ายที่จะเกาะติดไปกับเรายาวๆได้เลย

ว่าแต่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตมันแพงมากขนาดไหน? เค้าคิดดอกเบี้ยกันยังไง?

ส่วนใหญ่กว่าเราจะรู้ตัวว่าโดนดอกเบี้ยบัตรเครดิตไปหนักขนาดไหนแล้ว ก็เจ็บปวดกันมาเยอะพอสมควรเลย เพราะฉะนั้นรู้ไว้ก่อนที่จะเกิดหนี้ก้อนนี้เป็นดีที่สุด เจ้าดอกเบี้ยบัตรเครดิต ปกติจะปรากฎตัวออกมาให้เราได้เห็นกันก็ตอนที่เรามีการจ่ายค่าบัตรเครดิตไม่ตรงเวลาที่ธนาคารกำหนด, มีการชำระเงินขั้นต่ำ หรือแม้แต่ชำระเงินขาดไปแม้แต่บาทเดียว ก็ถือว่าเราจะต้องโดนเจ้าดอกเบี้ยนี้กันแล้ว!!

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะคำนวณแยกออกมาเป็น 2 ส่วน คือ การคิดจากยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด จนถึงวันที่มีการสรุปค่าใช้จ่าย และอีกส่วนนึงก็คือการคิดจากยอดคงค้าง ไปจนถึงวันที่สรุปยอดในเดือนถัดไป นั่นก็หมายถึงว่าเราจะต้องเสียค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรวมถึงค่าธรรมเนียม 2 เด้ง บวกกับยอดคงค้างนั่นเอง และถึงแม้ว่าในอีกรอบเดือนถัดไปเราจะชำระเงินครบทั้งหมด แต่ดอกเบี้ยก็จะมีตามหลอกหลอนเราต่อไปอีกงวดนึง

ตัวอย่างที่จะทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เช่น หากเรามีการใช้บัตรเครดิตไป 50,000 บาท ธนาคารมีการสรุปยอดค่าใช้จ่ายในทุกๆวันที่ 25 ของเดือน ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่จะมีการคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 16% ต่อปี หากเรามีการชำระเงินประมาณ 10% ตามกำหนดเวลาวันที่ 10 คือจำนวนเงิน 5,000 บาท ในรอบบิลถัดไปเราจะถูกคิดดอกเบี้ยตามนี้

การคิดจากยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด :


ยอดทั้งหมด x 16% x 25 วัน / 365 | 50,000 x 16% x 25 วัน / 365 = 547.94 บาท (วันที่ 1-25)

การคิดจากยอดคงค้าง :


ยอดคงค้าง x 16% x 16 วัน / 365 | 45,000 x 16% x 16 วัน / 365 = 315.61 บาท (วันที่ 10-25)
เพราะฉะนั้นจำนวนยอดเงินที่เราจะถูกเรียกเก็บก็คือ 45,000 + 547.94 + 315.61 = 45,863.55 บาท

ทีนี้เราจะทำยังไงหากต้องการที่จะปลดหนี้บัตรเครดิตให้หมด แล้วรีเซทเริ่มต้นวางแผนทางการเงินใหม่ให้มีระบบมากขึ้นและช่วยทำให้สภาพคล่องทางการเงินของเราดีขึ้นด้วยในคราวเดียวกัน ทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางเลือกหนึ่งที่อยากจะแนะนำ คือ ”การทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” แต่คำถามอีกคำถามนึงที่อาจจะเกิดขึ้นกับหลายๆคนคือ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตมันจะดีกว่าจริงรึเปล่า? แล้วปัญหาทางการเงินของเราเหมาะกับการทำ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตหรือไม่?

ใครที่เหมาะกับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต?

ให้ลองตอบคำถามในใจกันว่า คำถาม 3 ข้อที่เรากำลังจะตอบตรงกับปัญหาที่เราเจออยู่หรือไม่ ถ้าใช่แค่เพียงข้อเดียวแล้วล่ะก็ “การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” คือคำตอบของคุณ!!

  • มีการจ่ายเงินขั้นต่ำของบัตรเครดิต, มียอดคงค้างในบัตร, ไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยที่สูง
  • อยากชำระเงินต่อเดือนที่น้อยลง ลดต้นลดดอก
  • ต้องการรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

  • ดอกเบี้ยลดลง จากที่เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดจากบัตรเครดิต 16% ต่อปี หากเราทำ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ตัวดอกเบี้ยที่เราจะต้องเสียต่อปีจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ค่าผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง เมื่อดอกเบี้ยลดลงจึงส่งผลให้เงินที่จะต้องชำระต่อเดือนลดน้อยลงไปด้วย ทำให้เราสามารถวางแผนการใช้จ่ายต่อเดือนได้ดีขึ้นและมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นเช่นกัน
  • สามารรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว ส่วนใหญ่แล้วเราหลายๆคน มักจะมีบัตรเครดิตติดตัวกันอย่างต่ำๆ 1-3 ใบ
  • ด้วยจำนวนของบัตรที่เยอะ ทำให้เราจัดการหนี้บัตรเครดิตได้ลำบาก ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร และอาจจะเกิดปัญหาเรื่องของการชำระเงินเลยกำหนดเวลา การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะสามารถรวบหนี้ทั้งหมดให้เป็นก้อนเดียว ให้เราสามารถจัดระเบียบทางการเงินได้ดีขึ้น มองเห็นภาพรวม และวางแผนการเงินในอนาคตดีขึ้น
  • การเงินคล่องตัวมากขึ้น ถือว่าเป็นเหตุผลหลักเลยก็ว่าได้ที่มี การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตขึ้นมา ก็เพื่อให้ทุกๆคนสามารถจัดการ จัดระเบียบทางการเงินได้ดีขึ้น และสบายตัว มีระยะเวลา มีพื้นที่ให้ได้หายใจหายคอได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยปรับวิธีการจัดการกับการใช้บัตรเครดิตได้ดีขึ้นอีกด้วย ดอกเบี้ยบัตรเครดิต vs ดอกเบี้ยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่แล้วตามที่ได้เล่ามาทั้งหมดว่า ด้วยดอกเบี้ยที่ต่างกัน เลยทำให้เราเลือกที่จะแนะนำตัวช่วยอย่างการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต มากกว่าการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงตามยอดเรียกเก็บขั้นต่ำของบัตรเครดิตไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจะให้สามารถมองภาพได้ชัดเจนขึ้นของดอกเบี้ยที่จะต้องเสียไปในแต่ละเดือน เมื่อเทียบส่วนต่างของดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบแล้ว เงินส่วนต่างของดอกเบี้ยต่อปีที่ได้จะสามารถเอามาทำอะไรได้บ้าง เพราะมองผ่านๆมันอาจจะเป็นเงินจำนวนไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามาดูกันดีๆแล้วเงินที่ได้จากดอกเบี้ยที่ลดน้อยลงมันไม่น้อยเลย

ดอกเบี้ยบัตรเครดิต vs ดอกเบี้ยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่แล้วตามที่ได้เล่ามาทั้งหมดว่า ด้วยดอกเบี้ยที่ต่างกัน เลยทำให้เราเลือกที่จะแนะนำตัวช่วยอย่าง การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต มากกว่าการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงตามยอดเรียกเก็บขั้นต่ำของบัตรเครดิตไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจะให้สามารถมองภาพได้ชัดเจนขึ้นของดอกเบี้ยที่จะต้องเสียไปในแต่ละเดือน เมื่อเทียบส่วนต่างของดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบแล้ว เงินส่วนต่างของดอกเบี้ยต่อปีที่ได้จะสามารถเอามาทำอะไรได้บ้าง เพราะมองผ่านๆมันอาจจะเป็นเงินจำนวนไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามาดูกันดีๆแล้วเงินที่ได้จากดอกเบี้ยที่ลดน้อยลงมันไม่น้อยเลย

blog-1

เมื่อเห็นภาพมากขึ้นแล้ว ทีนี้เราจะรอให้เสียเงินในส่วนนี้ไปทำไม หากเพื่อนๆมีความสนใจสามารถ สมัครสินเชื่อบุคคล เพอร์ซัลนัลแคช ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดอกเบี้ยต่ำ ได้ 3 ช่องทาง


หมายเหตุ

  • วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
  • อัตราดอกเบี้ยและ ข้อกำหนดเงื่อนไขเป็นไปตามธนาคารประกาศกำหนด
  • รายละเอียดเพิ่มเติมที่ : https://www.cimbthaionlinecampaign.com/personalloan/selfapply.html
  • ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777

Share :