บัตรเครดิตถือเป็นตัวช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับใครหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่หากเราเผลอรูดบัตรเครดิตจนเพลิน และไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ดีพอ อาทิ จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำตลอดเวลา หรือ ใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0% จนมียอดผ่อนต่อเดือนที่สูงมาก ปัจจัยเหล่านี้ อาจทำให้บัตรเครดิตกลายเป็นสิ่งที่สร้างความวุ่นวายทางการเงินได้ไม่น้อย ทั้งนี้เพราะ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่เพิ่มพูนมักจะเกิดจากการพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตโดยขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี และดอกเบี้ยบัตรเครดิตมักจะกลายเป็นเนื้อร้ายที่จะเกาะติดไปกับเรายาวๆ ได้เลย
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต แพงมากแค่ไหน? ธนาคารคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตอย่างไร?
คนใช้บัตรเครดิตหลายคนกว่าจะรู้ว่าตัวเองติดกับดักดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็เกือบจะสายไป เพราะมักชะล่าใจกับการจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ, จ่ายค่าบัตรเครดิตไม่เต็มจำนวนยอดเรียกเก็บ, จ่ายค่าบัตรเครดิตล่าช้า หรือการจ่ายค่าบัตรเครดิตไม่ตรงเวลาตามที่ธนาคารกำหนด ฯลฯ เพราะคนใช้บัตรเครดิตหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตส่วนใหญ่ จะถูกคำนวณแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ
- คิดดอกเบี้ยจากยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด จนถึงวันที่มีการสรุปค่าใช้จ่าย
- คิดดอกเบี้ยจากยอดคงค้าง ไปจนถึงวันที่สรุปยอดในเดือนถัดไป
และแม้ว่าการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตจะช่วยให้คุณสามารถรักษาประวัติทางการเงินที่ดีไว้ได้ แต่การจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ หรือจ่ายค่าบัตรเครดิตไม่ครบ คุณจะต้องเสียค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรวมถึงค่าธรรมเนียม 2 เด้ง บวกกับยอดคงค้าง และถึงแม้ว่าในอีกรอบเดือนถัดไปเราจะชำระเงินครบทั้งหมด แต่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็จะตามหลอกหลอนเราต่อไปอีกงวดนึง
ตัวอย่าง เช่น
หากคุณรูดบัตรเครดิตไป 50,000 บาท ธนาคารมีการสรุปยอดค่าใช้จ่ายในทุกๆ วันที่ 25 ของเดือน (ธนาคารส่วนใหญ่จะมีการคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 16% ต่อปี) หากเรามีการชำระเงินประมาณ 10% ตามกำหนดเวลาวันที่ 10 คือจำนวนเงิน 5,000 บาท ในรอบบิลถัดไปเราจะถูกคิดดอกเบี้ย ดังนี้
1. การคิดดอกเบี้ยจากยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือ ยอดทั้งหมด x 16% x 25 วัน / 365 | 50,000 x 16% x 25 วัน / 365 = 547.94 บาท (วันที่ 1-25)
2. คิดดอกเบี้ยจากยอดคงค้าง คือ ยอดคงค้าง x 16% x 16 วัน / 365 | 45,000 x 16% x 16 วัน / 365 = 315.61 บาท (วันที่ 10-25)
ดังนั้น จำนวนยอดเงินทั้งหมดที่คุณจะถูกเรียกเก็บคือ 45,000 + 547.94 + 315.61 = 45,863.55 บาทนั่นเอง
อยากปิดหนี้บัตรเครดิตให้หมดเร็ว เริ่มต้นอย่างไรดี?
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่เผลอก้าวเข้าวงการจ่ายขั้นต่ำ หรือมีเหตุให้ต้องใช้บัตรเครดิตเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถรับผิดชอบค่าบัตรเครดิตทั้งหมดได้ ทำให้ต้องติดอยู่ในวงจรการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตไปแบบที่ไม่รู้ว่าจะสามารถปิดยอดหนี้ทั้งหมดได้เมื่อไหร่ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ “สินเชื่อรวมหนี้” หรือ “การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” ตัวช่วยดีๆ ที่จะช่วยให้คุณปิดหนี้บัตรเครดิตได้สมใจ
สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต คืออะไร?
สินเชื่อรวมหนี้ คือ การนำหนี้ที่มีอยู่จากหลายๆ ที่ หรือหนี้จากบัตรเครดิตหลาย ใบ มารวมไว้เป็นก้อนเดียวกัน จากนั้นทำการขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อนำมาปิดหนี้ที่มีทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาผ่อนจ่ายหนี้ก้อนเดียวกับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งเดียว
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนของคุณลงได้ ทั้งนี้เพราะการรวมหนี้จะช่วยให้คุณจ่ายดอกเบี้ยถูกลง ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น เพราะคุณสามารถเลือกจำนวนงวดและเงินผ่อนได้ตามความสามารถในการชำระหนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ทำได้ 2 รูปแบบคือ
- รวมหนี้ทุกก้อนจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเดียวกัน คือ การรวมหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อบุคคลที่มีอยู่ในธนาคารเดียวกันทั้งหมด (ธนาคาร A) ไปรวมไว้ยังธนาคาร B
- รวมหนี้ทุกก้อนจากหลายธนาคารหรือสถาบันการเงินทุกที่เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ในกรณีที่คุณมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบจากต่างธนาคารกัน หรือ มีหนี้บัตรเครดิตอยู่ธนาคาร A หนี้บัตรกดเงินสดธนาคาร B และสินเชื่อบุคคลธนาคาร C มารวมหนี้ไว้เป็นก้อนเดียวที่ธนาคาร D และผ่อนจ่ายหนี้ทั้งหมดกับธนาคาร D เพียงแห่งเดียว
ข้อดีของการรวมหนี้ และการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
1. ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดลง
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 16% ต่อปี หากเลือกรวมหนี้เป็นก้อนเดียว หรือรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปีจะเริ่มต้นที่ 9.99% (อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะช่วยให้ภาระหนี้ที่คุณต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลงไปด้วย
2. ค่าผ่อนจ่ายหนี้ต่อเดือนลดลง การเงินคล่องตัวมากขึ้น
เพราะการรวมหนี้ทำให้ดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายต่อเดือนลดน้อยลง ส่งผลให้จำนวนยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลงไปด้วย ทำให้คุณสามารถวางแผนใช้จ่ายต่อเดือนได้ดีขึ้น จัดระเบียบทางการเงินได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยปรับพฤติกรรมและวินัยการใช้บัตรเครดิตให้ดีขึ้นอีกด้วย
3. บริหารจัดการหนี้ได้ดีขึ้น
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว นอกจากจะช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินในปัจจุบันได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินในอนาคตได้ดีขึ้นเช่นกัน เพราะการรวมหนี้มีจำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือน และระยะเวลาผ่อนที่แน่นอน เช่น 3 ปี 5 ปี เป็นต้น ทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสปิดหนี้สำเร็จสูงขึ้นไปด้วยนั่นเอง
4. ลดความสับสนวันครบกำหนดจ่ายหนี้ ลดโอกาสการเกิดหนี้เสีย
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจะช่วยลดความสับสนวันครบรอบชำระหนี้จ่ายค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อหลายก้อนได้เป็นอย่างดี และช่วยลดความเสี่ยงจากการชำระหนี้ล่าช้า หรือผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากสับสนวันครบกำหนดชำระ ซึ่งอาจส่งผลต่อประวัติการเงินของคุณในอนาคตได้
สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เหมาะกับใคร?
การรวมหนี้บัตรเครดิต เหมาะกับคนที่กำลังเผชิญปัญหาหมุนเงินจ่ายค่าบัตรเครดิตอยู่ในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็น
- เริ่มจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตหลายงวด
- รู้สึกเงินเดือนไม่พอใช้ หรือลำบากในการหมุนเงินเพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้หลายทาง
- เริ่มรู้สึกสับสนวันครบกำหนดชำระหนี้ของบัตรแต่ละใบ หรือหนี้แต่ละก้อน
- ต้องการรักษาประวัติเครดิตบูโร ให้มีประวัติการเงินที่ดี
- คนที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท ต่อเดือน
อยากรวมหนี้เป็นก้อนเดียว สมัครสินเชื่อรวมหนี้ ธนาคารไหนดี?
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังปวดหัวกับการจ่ายหนี้หลายทางและกำลังมองหาหนทางประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายในทุกๆ ปี เราขอแนะนำ สินเชื่อบุคคล เพอร์ซัลนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อรวมหนี้ ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป ไม่ต้องใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถสมัครสินเชื่อบุคคล ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ 3 ช่องทาง
- เว็บไซต์ https://www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/personal.html
- แอดไลน์@cimbpersonalloan https://lin.ee/I1JAHpA
- สมัครสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอป CIMB THAI ของธนาคาร ดาวน์โหลดได้เลย ทั้งระบบ IOS และ Android คลิก
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 9.99% ถึง 25% ต่อปี
หมายเหตุ
- วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
- อัตราดอกเบี้ยและ ข้อกำหนดเงื่อนไขเป็นไปตามธนาคารประกาศกำหนด
- เวลาให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
- ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777