เรามีหนี้บัตรเครดิตที่ต้องจ่ายต่อเดือนเยอะเกินไปรึเปล่า?? พึ่งผ่านวันเงินเดือนออกไปได้ไม่นาน เงินเดือนก็หายไปกว่าครึ่ง!! เราเคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เงินเดือนของเราส่วนใหญ่หายไปจากค่าใช้จ่ายในส่วนไหนกันแน่ วันนี้เรามานั่งคิดกันเล่นๆดีกว่าว่าหนี้ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของเรามีมากเกินกว่ารายได้ของเราขนาดไหน
ซึ่งตามปกติ แบงค์ชาติ จะกำหนดให้ภาระหนี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ควรเกินกว่า 70% ของรายได้ทั้งหมด โดยเราสามารถคำนวณหนี้ที่เกิดขึ้นได้ตามนี้เลย
ภาระหนี้ต่อรายได้ = ภาระหนี้/รายได้สุทธิ |
---|
ส่วนใหญ่เราจะเรียกการคำนวณภาระหนี้ข้างต้นนี้ว่า การคำนวณ DSR (Debt Service Ratio) ซึ่งจะเป็นการคำนวณภาระหนี้เพื่อดูความสามารถในการกู้ แต่นอกเหนือจากการคำนวณว่าเรามีความสามารถในการกู้กับธนาคารได้มากขนาดไหนแล้ว เรายังสามารถเอาสูตรคำนวณเหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อคำนวณและบริหารการเงินของเรา ถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพทางการเงินไปอีกทาง
แล้วถ้าภาระหนี้บัตรเครดิตของเราเกิน 70% เราจะแก้ไขยังไงดี?
หากหนี้บัตรเครดิตของเรามากถึง 70% นั่นหมายถึงสภาพคล่องทางการเงินของเราจะอยู่ในช่วงวิกฤตแล้ว ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการบริหารจัดการการเงินให้ดี โดยอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มาช่วยจัดการ เช่น สินเชื่อบุคคล เพื่อทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายสูงเกินไปจากหนี้บัตรเครดิต เพราะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากบัตรเครดิตที่ว่านี่แหละที่จะทำให้หนี้ของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะมีการคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงถึง 16% แถมยังมีการคิดดอกเบี้ย 2 ต่ออีกด้วย ดอกเบี้ยส่วนแรกที่เราจะถูกคิดก็คือ การคิดดอกเบี้ยจากยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด จนถึงวันที่มีการสรุปค่าใช้จ่าย และอีกส่วนนึงก็คือการคิดจากยอดคงค้าง ไปจนถึงวันที่สรุปยอดในเดือนถัดไป การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบุคคลจึงเป็นทางออกอีกทางที่จะช่วยควบคุมรายจ่ายต่อเดือนได้อย่างดี เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 9% ต่อปี อายุสัญญา 12 เดือน
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
-
• ดอกเบี้ยลดลงจากที่เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดจากบัตรเครดิต 16% ต่อปี หากเราทำการ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยที่เราจะต้องเสียต่อปีจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
• ค่าผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง เมื่อดอกเบี้ยลดลงจึงส่งผลให้เงินที่จะต้องชำระต่อเดือนลดน้อยลงไปด้วย ทำให้เราสามารถวางแผนการใช้จ่ายต่อเดือนได้ดีขึ้นและมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นเช่นกัน
• สามารถรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียวได้ ส่วนใหญ่แล้วหลายๆ คนจะมีบัตรเครดิตอย่างน้อย 1-3 ใบ ด้วยจำนวนของบัตรเครดิตที่เยอะ
ทำให้เราจัดการหนี้บัตรเครดิตได้ไม่คล่องตัว ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร และอาจจะเกิดปัญหาเรื่องของการชำระเงินเกินกำหนดเวลา
แต่หากเราจะ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะทำให้สามารถรวมหนี้ทั้งหมดให้เป็นก้อนเดียวได้ และสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
มองเห็นภาพรวมของภาระหนี้ที่เกิดขึ้น และสามารถวางแผนการเงินในอนาคตได้ดีขึ้น
• การเงินคล่องตัวมากขึ้น ถือว่าเป็นเหตุผลหลักเลยก็ว่าได้ที่มี
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตขึ้นมา ก็เพื่อให้ทุกๆคนสามารถจัดการ จัดระเบียบทางการเงินได้ดีขึ้น และสบายตัว มีระยะเวลา
มีพื้นที่ให้ได้หายใจหายคอได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยปรับวิธีการจัดการกับการใช้บัตรเครดิตได้ดีขึ้นอีกด้วย
ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
- สามารถสมัครเพื่อทำการ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ที่
https://www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/personal.html - รอรับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ พร้อมเตรียมเอกสารเพื่อทำการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยเอกสารที่จะต้องใช้เบื้องต้นจะมี สลิปเงินเดือน, สำเนาบัตรประชาชน, สเตทเม้นท์, บุ๊คแบงค์ เป็นต้น
- เจ้าหน้าที่ธนาคารจะทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และพิจารณาการอนุมัติ วงเงินกู้สินเชื่อบุคคล โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
- ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีให้กับลูกค้า