
เมื่อการใช้บัตรเครดิตหลายใบกลายเป็นดาบสองคมและเป็นจุดเริ่มต้นให้มีหนี้พอกพูน หลายคนแก้ปัญหาผิดด้วยการหยุดจ่ายหนี้หรือเลือกทิ้งหนี้บัตรเครดิตบางใบเพื่อรักษาอีกใบไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่รู้ไหมว่า การหยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิต นอกจากประวัติการเงินเสียหายแล้ว บัตรใบสำคัญที่คุณพยายามรักษาก็อาจถูกยกเลิกไปด้วย และการจัดการหนี้ไม่ถูกวิธี อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สถานะทางการเงินของคุณเปราะบางได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า ทำไมไม่ควรหยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิต และช่วยให้คุณบริหารจัดการหนี้ได้ดีขึ้น
เลือกจ่ายหนี้แค่ใบเดียวแล้วปล่อยหนี้บัตรเครดิตใบอื่นให้เสีย? คิดให้ดี!
การหยุดจ่ายหนี้ หรือขาดการชำระหนี้บัตรเครดิตติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน สถานะของคุณจะถูกเปลี่ยนจาก “ลูกหนี้ชั้นดี” เป็น “ลูกหนี้ผิดชำระ” หรือ “หนี้เสีย” ทันที และจะถูกบันทึกในประวัติเครดิตบูโร (Credit Bureau) ที่นอกจากจะทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตเป็นเรื่องยากแล้ว หากธนาคารเจ้าของบัตรที่คุณจ่ายตามปกติตรวจสอบพบว่าคุณมีประวัติค้างชำระหนี้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ คุณอาจถูกยกเลิกบัตรเครดิตใบที่คุณกำลังใช้อยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเลือกทิ้งหนี้บัตรบางใบไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้ประวัติทางการเงินของคุณไม่ดีแล้ว ยังอาจทำให้คุณเสียบัตรเครดิตใบสำคัญที่ใช้สำหรับเหตุฉุกเฉินไปอีกด้วย
จัดการหนี้บัตรเครดิตอย่างไร เมื่อการจ่ายแค่บางใบไม่ใช่ทางออก?
1. รวมหนี้บัตรเครดิต เพื่อลดภาระหนี้
ผลกระทบของการหยุดจ่ายหนี้ร้ายแรงกว่าที่คิด ก่อนหยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิตคุณควรมองหา สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือ สมัครสินเชื่อรวมหนี้ เพื่อนำเงินก้อนที่ได้รับจากการอนุมัติสินเชื่อมาปิดหนี้บัตรเครดิตทุกใบที่คุณมีอยู่และเปลี่ยนมาผ่อนจ่ายหนี้คืนกับสินเชื่อก้อนใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า วิธีนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากหนี้ในแต่ละเดือนของคุณลง ช่วยให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และไม่ต้องเสี่ยงกับหนี้เสียที่จะเกิดในอนาคตจนทำให้เสียประวัติเครดิตได้
2. จัดลำดับความสำคัญของหนี้แต่ละก้อน
เมื่อรู้ตัวว่าแบกหนี้สินหลายก้อนหรือมีหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ เราแนะนำให้คุณลิสต์หนี้และอัตราดอกเบี้ยของหนี้แต่ละก้อน และจัดลำดับความสำคัญของหนี้แต่ละก้อนเพื่อให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่าควรชำระหนี้ก้อนไหนก่อน ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่า อยากจ่ายหนี้ก้อนเล็กให้หมดก่อนเพื่อสร้างกำลังใจ (Snowball Method) หรือ จ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อนเพื่อประหยัดดอกเบี้ยโดยรวม (Avalanche Method) เป็นต้น
3. พยายามจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาอยู่เสมอ
นอกจากไม่ควรหยุดจ่ายหนี้แล้ว คุณควรให้ความสำคัญกับ การจ่ายค่าบัตรเครดิตแต่ละใบให้ตรงเวลาด้วย เพราะการไม่ชำระหนี้ล่าช้าเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีประวัติเครดิตทางการเงินที่ดีอยู่เสมอ และช่วยลดค่าใช้จ่ายจากค่าปรับและดอกเบี้ยจากการจ่ายหนี้ล่าช้า ที่จะยิ่งทำให้สภาพคล่องทางการเงินแย่กว่าเดิมอีกด้วย
4. เจรจากับธนาคารเจ้าหนี้ ขอผ่อนผันและปรับโครงสร้างหนี้
เมื่อมีหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การปล่อยทิ้งหนี้บัตรเครดิตบางใบให้กลายเป็นหนี้เสีย เราแนะนำให้คุณติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตแต่ละใบโดยตรง เพื่อขอคำแนะนำในการบริหารจัดการหนี้ อาทิ เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม เพราะในบางครั้งธนาคารหรือสถาบันการเงินมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ อาทิ การลดดอกเบี้ยชั่วคราว มาตรการขยายเวลาชำระหนี้ รวมถึง การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อผ่อนชำระ ที่จะช่วยให้ยอดจ่ายหนี้ต่อเดือนลดลง เป็นต้น
หรือในกรณีที่หนี้ของคุณกลายเป็นหนี้เสียไปแล้วหรือบริหารหนี้พลาดจนประวัติเครดิตทางการเงินเสียหาย เราแนะนำให้คุณพิจารณาหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการหนี้สิน อาทิ คลินิกแก้หนี้ หรือ เข้าร่วม โครงการคุณสู้ เราช่วย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณบริหารจัดการหนี้ได้
5. สร้างวินัยทางการเงิน ไม่ก่อหนี้เพิ่ม
การแก้ปัญหาหนี้สินที่ถูกจุดนอกจากพยายามบริหารหนี้ที่มีตอนนี้แล้ว การไม่สร้างหนี้เพิ่มก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน และหากคุณไม่อยากติดอยู่ในวังวนหนี้สินไม่รู้จบ การมีวินัยทางการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากจะตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกแล้ว คุณควรเริ่มต้นทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดในแต่ละเดือน เพื่อให้รู้พฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนและป้องกันการก่อหนี้เพิ่มแบบไม่จำเป็นด้วย
แม้ว่าการมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงินที่ทำให้คุณปวดหัว การเลือกจ่ายค่าบัตรเครดิตแค่บางใบและปล่อยบัตรเครดิตใบอื่นให้เป็นหนี้เสียไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด และอาจจะเกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ ดังนั้น หากมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ เราแนะนำให้คุณจัดการหนี้ด้วยการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวหรือการวางแผนการเงินอย่างรัดกุม จะช่วยให้คุณออกจากวงจรหนี้และสร้างประวัติทางการเงินที่ดีขึ้นเพื่ออนาคตของคุณเอง
ปิดหนี้บัตรเครดิตง่ายๆ ด้วยสินเชื่อรวมหนี้: ทางออกที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย แนะนำ
สำหรับคนมีหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ หรือมีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหลายก้อน อยากลดภาระจ่ายหนี้ต่อเดือนด้วยการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เราขอแนะนำ สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) สินเชื่อรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องแบกดอกเบี้ยรายเดือนหนักเกินไป ไม่ต้องปวดหัวกับการจำวันครบกำหนดชำระหนี้แต่ละก้อน มองเห็นระยะเวลาปิดหนี้ที่แน่นอนทำให้มีกำลังใจในการบริหารจัดการหนี้มากขึ้น
สมัครสินเชื่อรวมหนี้ สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะช่วยให้คุณรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ปิดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้น สำหรับพนักงานประจำที่มีเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป สมัครสินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้ 3 ช่องทาง
- เว็บไซต์ www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/personal.html
- แอดไลน์ @cimbpersonalloan https://lin.ee/I1JAHpA
- สมัครสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอป CIMB THAI ดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android คลิก
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- 9.99% ต่อปี อายุสัญญา 12 เดือน
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 9.99% - 25% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารประกาศกำหนด
- รายละเอียดการคำนวณ ดูได้ที่ www.cimbthaionlinecampaign.com
หมายเหตุ
- วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
- เวลาให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
- ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777