Easy e-Receipt คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล ที่มีความคล้ายคลึงกับ โครงการ “ชอปดีมีคืน” ที่ผู้เสียภาษีหลายคนคุ้นเคยกันอย่างดี โดยเบื้องต้นรัฐบาลประกาศว่า ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาทและถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับนโยบายชอปดีมีคืน 2566 มาก่อนหน้านี้ แต่ในปี 2567 นโยบาย Easy e-Receipt มีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างออกไป ที่ผู้เสียภาษีต้องรู้ก่อนเริ่มซื้อสินค้าเพื่อลดหย่อนภาษี ดังนี้
Easy e-Receipt ใช้ลดหย่อนภาษีปีไหน เริ่มเมื่อไร
นโยบาย Easy e-Receipt เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจะสามารถใช้เป็น ค่าลดหย่อนภาษี 2567 ที่มีกำหนด ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงต้นปี 2568 เท่านั้น
Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร
นโยบาย Easy e-Receipt สามารถนำค่าซื้อสินค้าและบริการตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท มาใช้หักลดหย่อนภาษี 2567 ได้ โดยอัตราการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจะเป็นไปตามฐานภาษีของแต่ละคน
เงินได้สุทธิต่อปี (บาท) | ฐานภาษีเงินได้ | ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด (ใช้จ่ายครบ 50,000 บาท) |
0 – 150,000 | ยกเว้น | ไม่ได้รับสิทธิ์ |
150,001 – 300,000 | 5% | 2,500 บาท |
300,001 – 500,000 | 15% | 7,500 บาท |
750,001 – 1,000,000 | 20% | 10,000 บาท |
1,000,001 – 2,000,000 | 25% | 12,500 บาท |
2,000,001 – 5,000,000 | 30% | 15,000 บาท |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% | 17,500 บาท |
รู้ได้อย่างไรว่า เราใช้ Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร?
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าตัวเราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากนโยบาย Easy e-Receipt ได้เท่าไหร่นั้น คุณสามารถคำนวณภาษีเพื่อหารายได้สุทธิก่อนวางแผนชอปปิ้ง เพื่อวางแผนการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพและได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ที่สุด
วิธีคำนวณหารายได้สุทธิประจำปี
- เงินได้ – ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (100,000 บาท) – ค่าลดหย่อนส่วนตัว (60,000 บาท) = เงินได้สุทธิ
Easy e-Receipt ซื้ออะไร? ใช้ลดหย่อนภาษีได้
สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือบริการภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 มาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2567 ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 50,000 บาท และมีเงื่อนไขที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ คือ
- จะต้องซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าภายในประเทศ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- ต้องใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีเท่านั้น
- ในกรณีที่ซื้อหนังสือ, E-Book สินค้า OTOP ที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT สามารถใช้ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ แทนใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้
- ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรือยอดขั้นต่ำในการซื้อสินค้า โดยคุณสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการที่เข้าเงื่อนไขมารวมบิลได้ แต่ต้องไม่เกิน 50,000 บาท ต่อคน
- ในกรณีที่ซื้อสินค้าหรือบริการแบบผ่อนชำระ (รวมถึง การซื้อสินค้าผ่านโปรผ่อน 0%) สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนของราคาสินค้าหรือบริการนั้น ๆ แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
หมายเหตุ
- สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/rd-questionnaire-web/etax-invoice หรือ สามารถดูสัญลักษณ์ Easy e-Receipt ภายในร้านค้าได้
- ผู้ที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt 2567 จะต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีเท่านั้น
Easy e-Receipt ซื้อสินค้าอะไรไม่ได้
- สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
- รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ
- ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซเติมพาหนะ
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า
- ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
- ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งซื้อสินค้าหรือบริการก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ก็ตาม เช่น การซื้อบัตร-คูปองเพื่อแลกรับบริการต่าง ๆ การสมัครสมาชิกรายปี เป็นต้น
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
รายละเอียดที่ต้องระบุใน e-Tax Invoice ประกอบด้วยอะไรบ้าง ถึงใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้?
สำหรับคนที่วางแผนชอปปิ้งกับนโยบาย Easy e-Receipt แต่ยังไม่มั่นใจว่า เอกสาร e-Tax Invoice ที่เราจะได้รับจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการนั้น จะต้องระบุข้อมูลอะไรบ้างถึงจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีได้นั้น
- ต้องมีเลขประจำตัวประชาชนผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการ
- ที่อยู่ที่ระบุใน e-Tax Invoice จะเป็นที่อยู่ปัจจุบัน หรือที่อยู่บัตรประชาชนก็ได้
- e-Tax Invoice จะต้องระบุชื่อผู้ซื้อสินค้า หรือบริการเพียงคนเดียวเท่านั้น
(ข้อมูลจาก https://www.taxbugnoms.co/e-tax-invoice-and-e-receipt/)
วิธีตรวจสอบเอกสารลดหย่อนภาษี Easy e-RECEIPT
สำหรับคนที่ซื้อของเข้าร่วมโครงการ Easy e-RECEIPT และต้องการที่จะตรวจสอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax) ที่ได้รับจากร้านค้าว่าใบกำกับภาษีที่ได้มา สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษี ในปีภาษี 2567 (ยื่นต้นปี 2568) สามารถนำไฟล์ PDF ที่ได้รับจากผู้ประกอบการไปตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ validation.teda.th
วิธีดูผลการตรวจสอบ e-TAX invoice
- e-TAX invoice & E-Receipt ผลการตรวจสอบ XML-Schema and Schematron (XML-Schema and Schematron Result) ต้องขึ้นว่า "ผ่าน" Digital Signature ต่างๆ ควรขึ้นว่า "น่าเชื่อถือ"
- e-TAX Invoice by e-mail รายละเอียดตรงคำว่า ผลการตรวจสอบ PDF-Timestamp (PDF-Timestamp Result) ต้องขึ้นว่า "น่าเชื่อถือ"
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดเบื้องต้นสำหรับการใช้ Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษี 2567 และหากมีข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ เราจะรีบอัปเดตรายละเอียดอื่นๆ ให้คุณทราบทันที และคุณมีความกังวลใจหลังจากคำนวณภาษี หรือไม่มั่นใจว่าจะสามารถวางแผนทางการเงินทันก่อนถึงเวลาที่ต้องจ่ายภาษีหรือไม่
เราขอแนะนำ สินเชื่อบุคคล เอ็กซ์ตร้าแคช ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ วงเงินสำรองแบบไม่ใช้บัตร ช่วยให้คุณมีเงินสำรองพร้อมใช้ตลอดเวลา พร้อมความสะดวกสบาย เพราะคุณสามารถเบิก-ถอนวงเงินผ่านแอปฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องง้อบัตร คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และคิดดอกเบี้ยเมื่อทำการเบิกถอนวงเงินเท่านั้น
สมัครสินเชื่อบุคคล เอ็กซ์ตร้าแคช (Extra Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย วงเงินสำรองพร้อมใช้ ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพนักงานประจำ ที่มีเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 3 ช่องทาง
- เว็บไซต์ https://www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/extra.html
- แอดไลน์ @cimbpersonalloan https://lin.ee/I1JAHpA
- ลูกค้าใหม่ สามารถสมัครสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอป CIMB THAI Digital Banking ของธนาคาร ดาวน์โหลดได้เลย ทั้งระบบ IOS และ Android คลิก
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 18%-25%
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ย CLR ณ. วันที่ 4 ตุลาคม 2566 = 20% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
หมายเหตุ
- วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
- อัตราดอกเบี้ยและ ข้อกำหนดเงื่อนไขเป็นไปตามธนาคารประกาศกำหนด
- เวลาให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
- ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777